สวัสดีครับ.. วันนี้ ผมจะพาเพื่อน ๆ มารู้จักกับ โรคเชอรรี่อาย (Cherry eye in Dog)... ซึ่งผมเอง PINTO (ปิ่นโต) ก็ประสบปัญหานี้อยู่เหมือนกันครับ............... ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ...ผมมีคุณมี้จอย คอยดูแลอย่างดีเลยครับ.... ผมขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : http://www.dogilike.com/content/vettalk/3127/ ตามไปทำความรู้จัก กันเลยครัช
หนังตาที่สามคืออะไร
หนังตาที่สาม (third eyelid) หรือ Nictitating membrane
เป็นชั้นเนื้อเยื่อแผ่นบาง ๆ ที่อยู่ระหว่างชั้นเปลือกตากับกระจกตา
มีกระดูกอ่อนรูปตัวที (T) เป็นโครงสร้างอยู่ข้างใน ในคนเราจะเรียก
ว่า plica semilunaris ซ่อนตัวอยู่บริเวณหัวตา น้องหมาก็เช่นกันครับ
เวลาน้องหมาลืมตาเราจะสังเกตไม่เห็น
เพราะหนังตาที่สามนี้จะหดตัวแอบอยู่บริเวณหัวตา
แต่ถ้าเราลองใช้นิ้วกดบริเวณปลายหางตาเบา ๆ
เราก็จะเห็นเนื้อเยื่อสีขาวอมชมพูโผล่ตัวออกมาจากหัวตาข้างที่เรากดมาปกคลุม
ดวงตาไว้ นั่นแหระครับ...หนังตาที่สาม
หนังตาที่สามมีหน้าที่ในการปกป้องดวงตา (กระจกตา)
และยังมีหน้าที่ช่วยต่อมสร้างน้ำตา (Lacrimal gland) สร้างน้ำตาประมาณราว
40% ของน้ำตาทั้งหมดอีกด้วย
นับว่าหนังตาที่สามมีความสำคัญต่อดวงตาของน้องหมามากเลยทีเดียว
ภายในหนังตาที่สามจะมีเนื้อเยื่อน้ำเหลือง (lymphoid tissue)
และต่อมน้ำตาอยู่ด้วย เรียกว่า ต่อมของหนังตาที่สาม (Gland of the third
eyelid) แต่บางครั้งเจ้าต่อมที่ว่านี้
อาจเกิดการขยายใหญ่และยื่นโผล่ออกมาจากบริเวณหัวตา จึงเป็นที่มาของ “โรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye)” ที่ มุมหมอหมา จะกล่าวถึงในวันนี้ครับ
รู้จักกับโรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye)
โรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye) หรือ Prolapsed nictitating membrane gland (PNMG) เกิดจากต่อมของหนังตาที่สามยื่นโพล่ออกมาผิดปกติ
สาเหตุแท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด
แต่คาดว่าเกิดจากการหย่อนตัวของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ทำหน้าที่ยึดต่อมของ
หนังตาที่สามเอาไว้ไม่แข็งแรงพอ และ/หรือ
อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโตขึ้นของเนื้อเยื่อน้ำเหลืองบริเวณหนังตาที่สาม
ที่เกิดการอักเสบ หลังจากสัมผัสเชื้อโรค สิ่งสกปรก หรือสารก่อภูมิแพ้
จึงทำให้ตัวต่อมดังกล่าวขยายตัวและบวมนูนมากยิ่งขึ้น
ซึ่งน้องหมาที่เป็นโรคนี้ เจ้าของจะสังเกตพบว่า มีก้อนเนื้อแดง ๆ อมชมพู ผิวเรียบ ปูดออกมาบริเวณหัวตาของน้องหมาคล้ายกับผลเชอร์รี่ ช่วงแรก ๆ บางรายเป็น ๆ หาย ๆ ยุบ ๆ โผล่ ๆ แต่บางรายก็ปูดออกมาอย่างถาวร หากก้อนใหญ่มาก ๆ ก็อาจไปบดบังการมองเห็นได้ น้องหมาส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการเจ็บปวด แต่อาจก่อให้เกิดความรำคาญจากการระคายเคืองได้ ทำให้น้องหมาตาแฉะอยู่บ่อย ๆ และบางทีน้องหมาอาจเอาเท้ามาเกาตา หรือเอาหน้าไปถูกับพื้น จึงทำให้กระจกตาเกิดเป็นแผลหรือกระจกตาขุ่นได้ และอาจมีเยื่อบุตาอักเสบร่วมด้วย
Close-up of a cherry eye
น้องหมาพันธุ์ไหนเสี่ยงบ้าง
ความจริงแล้วโรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye) นี้เกิดได้กับน้องหมาทุกช่วงอายุและทุกพันธุ์เลยครับ
แต่พันธุ์ที่มีรายงานว่าพบได้บ่อยกว่าพันธุ์อื่น ๆ ก็ได้แก่ Lhasa apsos,
Shih Tzus, bulldogs, mastiffs, beagles, sharpeis, Pekingese, cocker
spaniels, Newfoundlands, Bloodhounds, Boston terriers, Miniature
Poodles, Neapolitan Mastiffs และ St.Bernards.
ซึ่งมักพบบ่อย ๆ ในหมาเด็กช่วงอายุไม่เกิน 2 ปี
โดยอาจจะเป็นเพียงข้างเดียวหรือเป็นทั้งสองข้างพร้อมกันก็ได้ครับ
โรคนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ แนะนำว่าเจ้าของที่มีน้องหมาที่เป็นโรคนี้แล้ว ให้ระวังการใช้เป็นพ่อและแม่พันธุ์ เพราะอาจถ่ายทอดความผิดปกติสู่ลูกได้ครับ
การรักษาโรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye) แบบไหนดี
การรักษาโรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye) ที่ดีจะต้องได้รับการผ่าตัดรักษา
เนื่องจากการักษาทางยาเพียงอย่างเดียว จะให้ผลเพียงแค่บรรเทาอาการเท่านั้น
ไม่สามารถทำให้ต่อมของหนังตาที่สามที่ยื่นออกมานี้
หดกลับเข้าที่ไปได้อย่างถาวร ส่วนใหญ่คุณหมอจะเลือกวิธีการรักษาทางยา
ในรายที่มีการติดเชื้อหรือมีการอักเสบรุนแรง ก่อนที่จะทำการผ่าตัดให้
ซึ่งการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดนั้น ก็มีด้วยกัน 2 วิธี คือ การตัดหนังตาที่สามออกไปเลย กับ การเย็บดันต่อมของหนังตาที่สามกลับเข้าที่เดิม (Modified Morgan pocket technique)
ซึ่งวิธีการแรกมีข้อดี คือ
เป็นวิธีผ่าตัดที่ทำง่ายและน้องหมาหายขาดจากโรคนี้ได้อย่างถาวร
ไม่กลับมาเป็นอีก แต่ข้อเสียนั้นมีมาก เพราะเมื่อตัดหนังตาที่สามออกไปแล้ว
ต่อมของหนังตาที่สามที่ทำหน้าที่ช่วยสร้างน้ำตาประมาณ 40%
ของน้ำตาทั้งหมดนั้น จะถูกตัดออกไปด้วย ผลคือ จะทำให้น้องหมาเกิดภาวะตาแห้งตามมาได้ เจ้า
ของจะต้องหยอดน้ำตาเทียมให้น้องหมา หากมีการสร้างน้ำตาไม่เพียงพอ
อีกทั้งการขาดหนังตาที่สามไป ยังทำให้กระจกตาขาดชั้นที่จะช่วยปกป้อง
ทำให้มีโอกาสสัมผัสเชื้อโรค หรือได้รับบาดเจ็บได้ง่ายขึ้น
ส่วนวิธีที่สองหรือการเย็บดันต่อมของหนังตาที่สามกลับเข้าที่เดิมนั้น เป็นวิธีการผ่าตัดที่ยุ่งยากกว่าวิธีแรก และพบ
ว่าประมาณ 10-20% สามารถกลับมาเป็นโรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye) ได้อีก
(Recurrence is possible) ซึ่งในน้องหมาบางพันธุ์อย่าง bulldogs และ
mastiffs จะพบการกลับมาเป็นอีกสูงกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ แต่วิธี
นี้ก็เป็นวิธีที่คุณหมอส่วนใหญ่มักเลือกใช้ทำการรักษาในปัจจุบัน
เนื่องจากเป็นวิธีที่ยังสามารถรักษาต่อมของหนังตาที่สามเอาไว้อยู่
ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อการสร้างน้ำตาของน้องหมาในระยะยาวครับ
หลังการผ่าตัดคุณหมออาจอนุญาตให้เจ้าของพาน้องหมากลับมาดูแลต่อที่บ้านได้
แต่น้องหมาจะต้องได้รับยาฆ่าเชื้อและยาแก้อักเสบต่อ
และเจ้าของจะต้องสวมปลอกคอกันเลียให้น้องหมาไว้ตลอดเวลาด้วย
เพื่อป้องกันไม่ให้น้องหมาเกาตาครับ
โรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye)
จัดเป็นอีกหนึ่งโรคตาที่พบได้ค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะในน้องหมาเด็ก
เจ้าของที่พบเห็นส่วนใหญ่มักตกใจ
และเข้าใจไปว่าน้องหมาเป็นเนื้องอกหรือมะเร็งที่ตา
แต่ความจริงแล้วเกิดจากต่อมของหนังตาที่สามยื่นโพล่ออกมาผิดปกตินั่นเอง
ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต
เพียงแต่มีผลต่อความสวยงามและอาจก่อให้เกิดความรำคาญจากการระคายเคืองได้
อย่างไรก็ดี...หากพบว่าน้องหมาเป็นโรคนี้แล้ว
เจ้าของก็ควรจะต้องพาน้องหมาไปรักษาอย่าปล่อยทิ้งไว้นานนะครับ
โพสโดย Dog Trianing by K9-1.com สมาชิกเว็บไซด์ Youtube
บทความโดย: หมอต้น ด็อกไอไลค์
น.สพ.ธีรภาพ มุสิกานนท์
อ้างอิงข้อมูลบางส่วน:
David J. Maggs. SLATTER’S FUNDAMENTALS OF VETERINARY OPHTHALMOLOGY:
Chapter 8-Third eyelid, Edition 4th. 2008. Elsevier Inc. Page 151-154
Kenneth L.Abrams. Cherry eye. NAVC clinician’s brief. November.2004. Page 19-21
รูปภาพประกอบ:
www.rochdaleshowbulldogs.net
www.boxerfanclub.com
www.loudoun.nvcc.edu
www.cal.vet.upenn.edu
www.hongkongdogrescue.com
www.winslowvetmobile.com
www.veterinarymedicine.dvm360.com
www.newf-friends.blogspot.com
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อเด็กชายปิ่นโต (MSTR. PINTO) เป็น โรคตาเชอร์รี่(Cherry Eye)
ผม...ปิ่นโต เด็กชายบลูด็อก ที่เพิ่งจะมีอายุประมาณ 4 เดือน...เป็นโรคตา เชอรรี่(Cherry Eye)..คุณมี้ทักผมตั้งแต่วันแรกที่รับผมมาจากที่ฟาร์ม ว่า ทำไมตาแดงๆ และหลายต่อหลายครั้งที่ผมมาอยู่บ้านคุณมี้ แล้วมีเพื่อนคุณมี้มาเยี่ยมผม (ราวกับว่าคุณมี้เพิ่งคลอด baby (ผม) คนใหม่).....ผมมักได้ยินเสียงคุณมี้บ่นกับเพื่อนๆ และ คุณพี่ธนนท์อยู่บ่อยครั้งว่า....ตา(ผม) แดงจัง...เป็นงี้ตั้งแต่วันที่พาเข้าบ้าน .....แต่ด้วยความที่คุณมี้ไม่รู้ว่า ที่ผมตาแดงนั่น ...มันเป็น โรคตา ชนิดหนึ่งของสัตว์หน้าขน(หน้าสั้น แถมริ้วรอยเยอะอย่างผม)...
คุณมี้เพิ่งจะรู้จักโรคตาเชอรรี่ (Cherry Eye) เมื่อเร็วๆ นี้ (เดือน สิงหาคม 2558) นี่เองครับ...ผมขอเล่าเหตุการณ์หน่อยนะครับ....คืนหนึ่งคืนนั้น..คุณมี้เห็น ต่อมน้ำตาที่สามของผมยื่นออกมาจากทางตาขวาของผม ซึ่งแน่นอนครับว่า สีของมันนั้นแดงกล่ำมากๆ มีลักษณะเป็นเม็ดใหญ่มาก ล้นออกมาจากตา จนเห็นได้อย่างชัดเจน....... คุณมี้ตกใจมากที่เห็นตาผมเป็นสีแดง ใหญ่ (น่ากลัว..สำหรับคนไม่รู้จักโรคนี้มาก่อน)..... คุณมี้นั่ง ซักถามผมอยู่ตั้งนานว่า "ใครแกล้งเอามือมาจิ้มตา(ผม) อ่ะบอกคุณมี้มาซิ" ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าไปหน้ามา..เพราะไม่รู้จะตอบคุณมี้ว่าอย่างไร และอีกอย่าง คุณมี้คงลืมไปว่า ..ผม..พูดไม่ได้ครับ..เพราะผมเป็นสุนัข...(ลืมไรไปป่าวครับคุณมี้) คุณมี้คุยกับผม จ้องผม ดูที่ตาผม ตั้งแต่คุณมี้กลับจากที่ทำงาน จนเวลาประมาณ 22.00 น. คุณมี้ทนไม่ไหวเอง (ผม..งี้หลับสบายอยู่ในกรง..) ต้องขับรถพาผมไปหาคุณหมอที่หน้าปากซอย.....
ทันทีที่เข้าไปในร้าน ผู้ช่วยคุณหมอ ก็บอกกับคุณมี้ว่า ..ผมเป็นโรคตาเชอรี่ (Cherry Eye).. คุณมี้ งง..งง..??..แล้วบอกกับ..(พี่ผู้ช่วยคุณหมอ)ว่า.. ขอพบกับคุณหมอ หน่อยค่ะ... (คุณมี้ผม..เป็นคุณมี้ที่แบบว่า...ชั้นไม่สนใจเธอพูดอะไรของเธอ ขอให้ชั้นได้พบคุณหมอก่อนได้มั้ย ค่อยบอกว่าเป็น โรคตาเชอรี่ Cherry Eye )...ซึ่งผมพยายามทั้ง (กระซิบ/สะกิด) บอกคุณมี้ว่า .....ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบ....ผม...ที่พี่ผู้ช่วยเค้าบอกคุณมี้ถูกแล้วคร๊าบบบ.....เรารีบกลับบ้านกันเถอะ (ผมไม่ค่อยชอบคลินิคซักเท่าไร....เข้าไปที่นั่นทีไร.....ใจสั่น....ใจเต้นแรง..ยังไงไม่รู้ครับ.....คุณมี้คร๊าบ) พอผมและคุณมี้นั่งรอได้สัก ราว ๆ ครึ่งชั่วโมงกว่า เพราะคุณหมอ ติดเคส เพื่อน(สุนัข) อีกตัวหนึ่งอยู่ก่อนหน้าที่ผมจะไปหาคุณหมอ.... เมื่อคุณหมอเดินตรงมาที่ผม เพื่อดูอาการของผม และคุณหมอก็บอกเหมือนกับที่พี่ผู้ช่วยคุณหมอได้บอกกับคุณมี้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ... (ผม)เป็น โรคตาเชอรรี่ (Cherry Eye) ....คุณมี้..รีบถามคุณหมอ..เลยว่า...(ผม) ไม่ได้ถูกใครเอามือจิ้มตาใช่มั้ยค่ะ เพราะ สีตาแดงมากค่ะ.. คุณหมอเลย จดคำว่า "Cherry Eye" ลงในกระดาษ แล้วให้คุณมี้ไปศึกษาดูจาก....คุณกูรู ( Google).. คือผู้ที่มีคำตอบให้กับทุกเรื่อง ขอเพียงแค่ พิมพ์ ลงไป แล้ว กดค้นหา ทุกอย่างจะปรากฏขึ้น บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ อย่างเหลือเชื่อ เพราะไม่ได้มีแค่ หน้าเดียว มีหลายหน้า มีทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ ให้เลือกค้นหาคำตอบที่อยากจะรู้... คุณหมอได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า..โรคนี้เป็นโรคทางสายพันธุ์ของผม และมักเกิดกับสุนัข(ผม) ที่หน้าสั้น.. ไม่ต้องกังวลใจ หรือ กลัวกับโรคนี้ เพราะไม่ได้เป็นโรคติดต่อ และไม่ได้มีอาการร้ายแรงแต่อย่างใด เพียงแค่เวลาใครมองผม ก็จะไม่เห็นความหล่อเหลา ของผม และโรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) นี้สามารถรอ(ผม)โตกว่านี้ก่อน ให้ผมอายุสัก 1 ปี ก่อนค่อยไปผ่าตัด..คุณมี้ตกใจเมื่อได้ยินว่า ผ่าตัด คุณหมอเลยบอกว่า เหมือนกับ การศัลยกรรมความงามค่ะ.. เพราะถ้าทำแล้ว..อาจจะอยู่ได้เพียงระยะหนึ่ง..และมีโอกาสที่จะเกิดซ้ำ..ได้อีก... สุนัขบ้างพันธุ์ เป็นทั้ง 2 ตาเลย.. บ้างพันธุ์ก็เป็นข้างใดข้างหนึ่ง(คุณหมอ มีนัยยะยังไงไม่รู้ เหมือนกับจะบอกคุณมี้ของผมว่า ผมมีโอกาสเป็นทั้งสองตาก็ได้) แต่เหตุผลของคุณหมอที่ต้องรอให้(ผม) โตมากกว่านี้ หรืออายุมากกว่านี้อีกหน่อย เป็นเพราะการผ่าตัด โรคตาเชอรรี่ (Cherry Eye)...สำหรับสุนัข(หน้าสั้น) อย่างผม ต้องทำเป็นพิธีการครับ เหมือนเข้าห้องผ่าตัดของคน ดมยาสลบ เสร็จแล้วสามารถพากลับบ้านไปดูแลต่อได้ โดยที่ไม่ต้องง้อโรงพยาบาล แต่ว่าตอนนี้ผมยังเด็กเกินไปครับ คุณหมอเลยบอกให้รอก่อน...............
คุณหมอยัง บอกคุณมี้ ถึงที่มาของชื่อโรคนี้ ว่า..ชื่อ Cherry Eye ฟังดูน่าทานม๊ากกกก เพราะมันมีลักษณะเป็น เนื้อเยื่อสีแดง มีขนาดที่ใกล้เคียงกันกับ ลูกเชอร์รี่ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโรคครับ และเนื้อเยื่อสีแดงนี้จะโผล่ออกมาที่หัวตา เพราะ เกิดจากการอักเสบของต่อมหนังตาที่สาม
ทันทีที่ถึงบ้านครับ คุณมี้ถามเลยครับ...ถามไปที่คุณGoogle จนได้คำตอบ ของโรคตาเชอรี่ (Cherry Eye) สำหรับผม ....อ่านไปอ่านมา... จนไม่รู้...คุณ Google อ่านคุณมี้ หรือว่าคุณมี้อ่านคุณ Google...ดึกแล้วไงครับ ผมเลยหลับไปจนถึงเช้า เลย...."อ้าว" เสียงคุณมี้ พูดออกมาทันทีที่เดินลงบันไดมาเจอหน้าผม...่ หายไปไหนแล้วอ่ะ.. โรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye).....ที่คุณหมอบอกเมื่อคืน..ผมได้ยินเสียงคุณมี้บ่นในใจ(ถึงคุณหมอเมื่อคืน)ว่า... คุณหมอนี่ไม่น่าเชื่อเลยอ่ะ เป็นแค่ตาอักเสบหรือป่าว..อะไรของคุณหมอกันนี่ ทำเราตกใจหมดเลย(คุณมี้คงนึกถึงเงินค่าผ่าตัดอ่ะผมว่า..เพราะเมื่อคืนลืมถามเรื่องค่าใช้จ่าย ในการรักษาโรคตาเชอร์รี่่ (Cherry Eye ).........(คุณมี้คร๊าบ..ผม..ผมเป็นจริง จริง คร๊าบ คุณหมอไม่โกหกคุณมี้หรอกคร๊าบ..แค่แบบว่า มันผลุบหายลงไปในตาผมอ่ะครับ)...เสียดายครับ ที่คุณมี้ไม่ได้เก็บภาพในวันเกิดเหตุให้ได้ดูกัน....
อาการโรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) เหมือนจะหายไปจากผมแล้วอย่างถาวร...คุณมี้แอบดีใจ เพราะเราจ้องตากันทุกวัน...ความหล่อ(ผม) เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน และไม่มีโรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) ลูกเชอร์รี่ มาบดบังที่บริเวณดวงตาของผมอีก...นับจากวันนั้นเป็นต้นมา......ทำให้คุณมี้เห็นความหล่อในตัวผม ได้อย่างชัดเจน....... คริ คริ คริ คริ (สุนัขอะไร .......ไม่รู้ หล่อม๊ากกกกกอ่ะ.......หล่อเฟร่อ....ฝุด ฝุด)
....ความจริง ก็คือ ความจริง ครับ ..ใช้ได้ทั้งมนุษย์และสัตว์ สุนัข(อย่างผม) ก็ไม่อาจจะหนีความจริง...ที่เกี่ยวกับ... โรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) ได้.... อีกครั้งที่คุณมี้ต้องพบ กับตาแดง ของผม.. แต่คราวนี้เกิดขึ้นที่ ตาด้านซ้ายของผม คุณมี้มารับรู้ว่าผมเป็นโรคนี้อีกครั้ง เมื่อตอนที่พาพี่ชายธนนท์ไปเยี่ยมผมที่ศูนย์ฝึกฯ ในวันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2558 (สัปดาห์ที่สองที่ผมห่างจากคุณมี้)
26/09/58 โรคตาเชอรี่ (Cherry Eye) ที่ตาซ้าย |
โรคตาเชอรี่ (Cherry Eye) ที่ตาซ้าย แต่ก็ฝึกว่ายน้ำ |
การว่ายน้ำของผมวันนี้......ผมดีใจมาก เพราะผมได้ว่ายน้ำกับคนพิเศษ ไปดูกันครับ ว่าผมว่ายน้ำกับใคร (ลองทายกันดูเล่นๆ ก็ได้นะครับ...ใครกันนะที่ทำให้ผมดีใจมาก)
คุณครูวร ก็ยังโชว์การฝึก(ผม) ให้คุณมี้ดู ในสัปดาห์ที่ 2ที่อยู่ศูนย์ฝึกฯ |
เห็นชัดเจนค่ะ ข้างซ้ายไม่เป็น แต่ ข้างขวาเป็นโรคตาเชอร์รี่่ (Cherry Eye) |
วันเวลาเดินไว เหมือนโกหก (ทำไมเราต้องตามเวลา...แล้วทำไมเวลาไม่ตามเรา) ผมคิดเอาเองแบบขำ ขำ... สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ที่ผมอยู่ที่ศูนย์ฝึกฯ และเหมือนเช่นเคย วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2558 แต่วันนี้คุณมี้และพี่ชายธนนท์ มาหาผมเร็วกว่าทุกครั้ง เพราะคุณครูวร คงจะโทรไปแจ้งให้คุณมี้ของผม รับทราบว่า ..ผมเป็นโรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) อีกข้างแล้วครับ.. คราวนี้เกิดที่ตาด้านขวา (เมื่อวันเสาร์ที่แล้วคุณมี้ เพิ่งบอกกับคุณครูวร เองว่า เคยเห็นผมเป็นโรคนี้ที่ตาข้างซ้ายมาก่อน)...โรคตา เชอร์รี่ (Cherry Eye) จึงมาให้คุณมี้ของผมเห็นซะเลย (มันช่างศักดิ์สิทธิ์อะไรเช่นนี้ คำทัก ของคุณมี้ของผม )... วันนี้เมื่อผมได้เจอหน้าคุณมี้..พอเราพบกัน ...ผมก็เห็นคุณมี้น้ำตาไหลเลย เมื่อมองมาที่ผม..... ผมไม่อยากให้คุณมี้เศร้า คิดมาก ผมไม่เจ็บครับคุณมี้ ไม่ต้องเป็นห่วง.... ผมเป็นให้คุณมี้เห็นแล้ว 2 ข้าง คุณมี้จะได้ไม่ต้องกังวล ว่าจะเกิดข้างเดียวหรือ สองข้าง..วันนี้ เป็นวันรวมญาติของเพื่อนๆ ผมด้วยครับ...ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจเลย.. ที่พวกเขาได้เห็นผม ...ทุกคนถามเป็นเสียงเดียวกันเลยครับว่า "ปิ่นโต ตาสองข้าง เป็นอะไรอ่ะลูก ทำไมเป็นอย่างนั้นหล่ะ น่าสงสารจริง ๆ คงจะเจ็บน่าดูเลย".... ผมก็วิ่งซนของผมไปเรื่อยๆ ตามประสาเด็กหนุ่ม ร่าเริง มีพละกำลังเหลือเฟอร์ ผมพยายามจะวิ่งเล่นไปที่อื่น และไม่อยากให้ใครๆ ทัก (เพราะทักผมทีไร คุณมี้ผมน้ำตาไหลทุกทีเลย)... ทั้งคุณมี้ และคุณครูวร จึงช่วยตอบคำถามกับบรรดาญาติๆของเพื่อนผม ว่า ผมเป็น โรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) ไม่มีใครคนไหนเลยครับ ที่จะรู้จักโรคนี้ แต่คุณครูวรของผมก็คุยถึงเรื่องโรคนี้ให้บรรดาญาติของเพื่อน ..และยังได้ช่วยเตือนให้บรรดาญาติๆ ของเพื่อนผม....ที่จะมีโอกาสเป็นโรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) แบบเดียวกันกับผมได้ เพื่อนของผม ก็ได้แก่ เพื่อนบีเกิ้ล , เพื่อนปั๊ค ฯลฯ
03/10/58 โรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) ที่ตาขวาและตาซ้าย |
จมูกที่แดง เป็นเพราะผม ลองดันกรงเพื่อว่าจะเปิดออก |
มุมนี้ยิ่งชัดเห็น ทั้งซ้ายและขวา เลย |
การฝึกทำตามคำสั่งของครูวร ไม่ได้เป็นอุปสรรค |
มองดูผมในมุมนี้บ้างครับ |
Close-up เข้ามาให้ใกล้มากที่สุด เท่าที่คุณมี้ทำได้ |
ลองมองมุมนี้กันบ้างครับ |
ตาด้านซ้ายผม ที่เป็น โรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye)
ภาพนี้Close-up ตาด้านซ้ายของผมให้เห็นว่าเป็น โรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) ได้อย่างชัดเจนว่ามั้ยครับ
|
ตาขวาผม ที่เป็น โรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) |
ผมเป็นโรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) ทั้งตาซ้ายและขวา แต่ผมก็ยังคงลงฝึกว่ายน้ำครับ ต้องฝึกให้เป็นวินัยครับ...ถึงแม้ว่าผมจะกลัวน้ำ..ก็ตาม...สู้ สู้ ต้องทำได้ ปิ่นโต เราต้องทำให้ได้... วันนี้เป็นสัปดาห์ที่ 3 นะครับที่ผมได้ลงว่ายน้ำ ....ลองสังเกตให้ดีนะครับ ผมไม่ต้องมีคนพาว่ายแล้วครับ ผมว่ายเอง ถึงระยะทางจะสั้น(มาก)... แต่ผมก็ถือว่า ผมได้เริ่ม ก้าวแรกของผมแล้วครับ ติดตามดูกันครับ ท่าว่ายน้ำเป็นไงบ้าง???
วันที่ 6 ตุลาคม 2558 ในขณะที่คุณมี้กำลังทำงานอยู่ที่บริษัท คุณครูวร ได้โทรศัพท์ไปแจ้งให้คุณมี้ ของผมทราบว่า กำลังจะพาผม ไปพบสัตวแพทย์ เพราะ โรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) ที่ตาด้านขวาของผม เกิดมีเลือดไหลซึมออกมา คุณครูเลยอยากให้อยู่ใกล้มือคุณหมอมากที่สุด..... คุณครูวร เลยพาพบไปที่ "กุลธดารักษ์สัตว์" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์ฝึกฯ ซึ่งพบก็ได้พบกับคุณหมอต้อง(น่ารัก แบบ หล่อ มากครับ) ....... คุณหมอต้อง คุณครูวร และคุณมี้ ได้คุยกันทางโทรศัพท์ ซึ่งคุณหมอต้อง บอกกับคุณมี้ว่า ผมไม่สบาย มีเสมหะ ไอ ยังไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ตอนนี้ถ้าถามคุณหมอ หมอต้องเป็นห่วงที่โรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) ที่ด้านขวา วั้นนั้นผมเลยต้องนอนอยู่ที่คลินิกคุณหมอต้อง เพื่อให้ยาลดไข้ และรักษาอาการหวัด ให้หายซะก่อน ถึงจะทำการผ่าตัดโรคตาเชอร์รี่(Cherry Eye) ได้ และเป็นครั้งแรกครับที่ผมได้ใส่ Collar ลองดูผมซิครับ หน้าตาหวานขึ้นมาทันทีเลยว่ามั้ยคร๊าบบบบบ
การใส่ Collar ครั้งแรกของผม |
คุณมี้ คุณครูวร ได้ปรึกษากับคุณหมอต้อง ถึงวิธีการผ่าตัด ว่าจะเลือกใช้วิธีแบบใด?? สุดท้ายก็เลือกการผ่าตัดแบบเก็บเอาไว้ (ผ่าเพื่อเก็บ ต่อมน้ำตาที่สาม ด้วยการยัดคืนลงไว้ที่เดิม และเย็บ) ซึ่งคุณหมอต้อง บอกกับคุณมี้ว่า ต้องขอรอดูผลเลือดของผมก่อน ถ้าผ่านจะทำการผ่าตัดโรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) ทั้งสองข้าง ของผมในวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม 2558 ประมาณเที่ยง....เมื่อถึงวันศุกร์ ก่อนเวลาที่จะผ่าตัด (ก่อนเที่ยง) ผมไม่คาดคิดเลย ว่า คุณมี้จะไปหาผม เพราะคุณมี้ ต้องไปทำงานเนื่องจากเป็นวันศุกร์ ผมเห็นคุณมี้เท่านั้นแหละครับ เห่าเสียงดัง เรียกคุณมี้ ด้วยความดีใจที่เห็นคุณมี้มา พยายามเอาจมูกดันกรง เพื่อออกไปหาคุณมี้ แต่ผมก็ไม่สามารถ ดันกรงออกไปหาได้ จนคุณหมอให้ ผู้ช่วยมาเปิดพาผมไปพบกับคุณมี้ เหมือนคุณมี้จะรู้ว่าผมกลัว คุณมี้กอดผมซะแน่นเลย เราทั้งสองนั่งรอผลการตรวจเลือดแบบว่าลุ้นมากมาย ในระหว่างที่รอ คุณมี้ก็ถามกับคุณหมอต้องถึงเรื่องการกลับมาเป็นโรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) อีกในอนาคต ซึ่งคุณหมอต้องก็บอกให้คุณมี้ฟังว่า โอกาสเกิดขึ้นมีอยู่แล้ว แต่คงไม่ใช่ในเร็ววันนี้ ขึ้นอยู่กับรอยเย็บ ถ้าขาดหรือหลุด ต่อมน้ำตาที่สามก็จะโผล่ออกมาให้เห็นอีก แต่ถ้าตัดต่อมน้ำตาที่สามทิ้ง ก็จะไม่มีอีกในอนาคต แต่ผลร้ายคือ ตาผมก็จะไม่ผลิตน้ำตา เพื่อเป็นน้ำหล่อลื่นให้กับตา คงต้องใช้น้ำตาเทียมแทนไปตลอดชีวิต และการดูแลรักษาก็ต้องมีคนคอยดูตลอดเวลา คุณหมอยังบอกกับคุณมี้ว่า....เท่าที่หมอเคยผ่าตัดโรคนี้ ให้กับสุนัขตัวอื่น ก็ยังไม่เห็นมีสุนัขตัวไหนกลับมาผ่าตัดเป็นรอบที่สอง... เมื่อผลตรวจเลือดมา คุณหมอต้องได้เรียกคุณมี้ และบอกกับคุณมี้ว่า เม็ดเลือดขาวผมสูงตั้ง 20,000 ซึ่งโดยปกติ อยู่ ราว ๆ 10,000 ฉะนั้นวันนี้คงไม่ได้ผ่าตัด คุณหมอต้องเลยแนะนำให้คุณมี้พาผมกลับไปพักรักษาตัว ให้หายจากอาการหวัด เสียก่อน คุณหมอยังบอกอีกว่า อยากให้คุณมี้พาผมไปเลี้ยงไว้ที่บ้านก่อน อย่าเพิ่งให้เข้าไปอยู่ที่ศูนย์ฝึกฯ และคุณหมอต้องก็ได้ทำการนัดตรวจเลือดอีกครั้งในวันพฤหัสที่ 15 ตุลาคม 2558 (ไม่ต้องอดอาหาร และน้ำ) คุณหมอแค่ให้คุณมี้ พาผมมาส่งวันพฤหัส แล้วคุณหมอต้องจะเจาะเลือดในวันศุกร์เช้า เพื่อขอดูผลเม็ดเลือดขาวอีกครั้ง และถ้าครั้งนี้ ผลเม็ดเลือดขาว อยู่ในระดับดี ก็จะทำการผ่าตัด โรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye)ในวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2558 ตอนเที่ยงเหมือนเดิม... ก่อนกลับบ้านคุณหมอก็ให้ยาทาน และ ยาหยอดตา เพื่อให้คุณมี้ กลับมาทำให้ผมที่บ้านของคุณมี้...ค่าใช้จ่ายครั้งนี้ดูจากข้างล่างได้เลยครับ....
ค่าใช้จ่าย ณ กุลธาดารักษ์สัตว์ (6-9 ตุลาคม 2558)
ค่ายากิน 1,000 บาท
ค่ายาหยอดตา 350 บาท
ค่าตรวจเลือด 1,400 บาท
Collar 250 บาท
ค่าที่่พัก + อาหาร (3 วัน*200) 600 บาท
ค่าธรรมเนียม (Vet Fee) 300 บาท
รวมเป็นเงิน 3,900 บาท
เมื่อผม ถึงบ้านของคุณมี้ ผมดีใจมาก ที่ได้กลับบ้าน กรงผม ผ้าปูสีเขียว ผมจำได้แม่นยำ ของที่เป็นของผม คุณมี้ยังเก็บของผม ไว้เหมือนเดิมทุกอย่าง ผมอยากตะโกนบอกคุณมี้คร๊าบว่า......ผมรักคุณมี้และผมคิดถึงบ้านคร๊าบ...ผมขอบคุณคุณมี้นะครับ ที่ดูแลผมเป็นอย่างดี
ณ ที่ที่ผมคิดถึงมากที่สุด |
บ้านของผมคร๊าบ |
อย่าลืมติดตามผมต่อไปนะครับ ว่า โรคตาเชอร์รี่ (Cherry Eye) ผมจะได้รับการผ่าตัดหรือไม่ในวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2558 ...... รอผมมาอัพเดทนะครับ....
ก่อนจากกันไป เหมือนเช่นเคยครับ ...ผมขออนุญาต ฝากธุรกิจของคุณมี๊จอย ด้วยครัช......
Page Yorying Sopa : คลิกที่นี่ ช่วยไลค์ให้ด้วยนะครัช
Page ไอทีพารวย : คลิกที่นี่ ช่วยไลค์ให้ด้วยนะครัช
เฟสบุ๊ค/Facebook : คลิกที่นี่
Line : 0896886966
www.gooddealhotelstravelling.com ค้นหาที่พัก ตั๋วเครื่องบิน แพกเกจทัวร์ เช่ารถยนต์ ตั๋วรถทัวร์ไทย ราคากันเอง คลิกที่นี่ค่ะ
www.shoppingmallonlinefans.com สนใจซื้อสินค้าหลากหลาย ราคาคุณภาพ คลิกที่นี่ค่ะ
www.guru-property.com สำหรับผู้สนใจที่จะซื้อ หรือ ฝากขาย บ้าน คอนโด ที่ดิน คลิกที่นี่ค่ะ
สนใจติดต่อสอบถาม
089-688-6966
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น